อังกฤษ 5 อิตาลี 3! Whoscored จัดทีมยอดเยี่ยมยูโรรอบรองชนะเลิศ
9 กรกฎาคม 2564, 11:57 น. · 350
ข่าวฟุตบอลล่าสุด ฟุตบอลยูโร 2020 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยหลังจาก อิตาลี ฝ่าด่าน สเปน มาได้สำเร็จ ขณะที่ อังกฤษ ก็เบียดเอาชนะ เดนมาร์ก เช่นกัน โดยรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมามีนักเตะหลายคนที่ทำผลงานโดดเด่นมาก เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง whoscored จึงได้จัดทีมยอดเยี่ยมโดยวัดจากผลงานส่วนตัวของนักเตะแต่ละคน ซึ่งมีแข้งอังกฤษถึง 5 ราย, อิตาลี 3 ราย และเดนมาร์ก อีก 3 รายเข้ามาติดทัพ
ผู้รักษาประตู: แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
น่าเสียดายที่ เดนมาร์ก ต้องยุติเส้นทางไว้เพียงรอบรองฯ แต่ต้องยอมรับว่าพวกเขาสู้กับ อังกฤษ ได้โดยไม่เป็นรองเลยแม้แต่น้อย และในวันนั้นผู้ที่ช่วยทำให้ทีมยืนหยัดสู้ไปจนถึงช่วงต่อเวลาคือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายด่าน เลสเตอร์ ซิตี้ ที่โชว์เซฟมากถึง 9 ครั้ง มีทั้งการบล็อคลูกยิงจ่อๆของ สเตอร์ลิง, บินปัดลูกโขกของ แม็กไกวร์ ที่กำลังจะเสียบมุมตาข่าย แถมยังเซฟลูกจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน อีกแม้ว่าจะโดนซ้ำก็ตาม นี่เป็นสุดยอดผลงานที่เขาฝากไว้ในยูโรครั้งนี้
แบ็กขวา: ไคล์ วอล์คเกอร์
แม้ตำแหน่งแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษมีตัวเลือกหลายรายแต่ฟอร์มของ วอล์คเกอร์ ในเกมกับ เดนมาร์ก พิสูจน์แล้วว่าทำไม เซาธ์เกต ถึงเชื่อใจแข้งแมนฯ ซิตี้รายนี้ ความเร็วของของเขามีประโยชน์มากทั้งการช่วยเกมรับและเติมเกมรุก โดยเกมนี้เขามีสถิติสร้างโอกาส 2 ครั้ง และจ่ายบอลแม่นยำ 90.6%
เซนเตอร์แบ็ก: เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่
โบนุชชี่ ยังคงเป็นคีย์แมนสำคัญในเกมรับของ อัซซูร์รี่ แม้ว่าประตูตีเสมอเขาจะมีส่วนผิดพลาดก็ตาม แต่ผลงานตลอดทั้งเกมนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก เขาเก็บสถิติช่วยเคลียร์บอลถึง 4 หน และตัดบอลได้ถึง 6 ครั้ง นอกจากนี้เขาเป็นหนึ่งในคนที่สังหารจุดโทษสุดเฉียบขาดช่วงดวลฎีกา
เซนเตอร์แบ็ก: แฮร์รี่ แม็กไกวร์
ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเขาได้รับเลือกติดทีมยอดเยี่ยมของ whoscored ขณะที่รอบนี้เจ้าตัวก็ยังโชว์ความแกร่งจนได้รับเลือกอีกครั้ง แม็กไกวร์ คุมเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นโดยเฉพาะในเรื่องลูกกลางอากาศหลังเอาชนะได้มากที่สุดในสนาม (9 ครั้ง) แถมยังมีสถิติตัดบอลและเคลียร์บอลอีกอย่างละ 5 ครั้ง
แบ็กซ้าย: ลุค ชอว์
รอบที่แล้ว ลุค ชอว์ ทำผลงานสุดยอดจนหลายเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก และเกมกับ เดนมาร์ก เขาก็ยังสานต่อผลงานอันยอดเยี่ยมเช่นกัน สร้างอันตรายได้ตลอดในการเติมเกมรุก โดยมีสถิติสร้างโอกาส 1 ครั้ง, เอาชนะลูกกลางอากาศ 5 ครั้ง, แท็กเกิ้ล 3 ครั้ง
กองกลาง: ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก
มิดฟิลด์ของ “ไก่เดือยทอง” มีส่วนสำคัญในการทำให้ อังกฤษ เจอกับความยากลำบากในการครองบอลบุกใส่ เขามีสถิติเกมรับที่โดดเด่นมากทั้งการแท็กเกิ้ลถึง 7 ครั้งซึ่งมากกว่านักเตะอังกฤษทั้งทีม รวมถึงตัดบอลอีก 3 ครั้งด้วย
กองกลาง: จอร์จินโญ่
อิตาลี ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศก็จริง แต่ต้องยอมรับว่าเกมวันนั้น สเปน เล่นได้ดีกว่าโดยเฉพาะเรื่องเกมบุกที่มีโอกาสหลายต่อหลายครั้ง ทว่า จอร์จินโญ่ ก็มีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระของกองหลังอิตาลีได้เยอะทีเดียวจากสถิติการตัดบอลถึง 8 ครั้งมากกว่าทุกคนในสนาม นอกจากนี้ จอร์จินโญ่ ยังเป็นสังหารจุดโทษคนสุดท้ายอย่างเยือกเย็นด้วย
กองกลาง: มิคเกล ดามส์การ์ด
สตาร์วัย 21 ปีเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่แจ้งเกิดในทัวร์นาเมนต์นี้หลังซัดฟรีคิกสุดงามหยดผ่านมือของ จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปตุงตาข่าย แม้ว่าในเกมกับ อังกฤษ เขาจะสัมผัสบอลเพียง 30 ครั้งแต่เจ้าตัวมีสถิติที่ยอดเยี่ยมในเกมรุกทั้งโอกาสยิง 2 ครั้ง, ยิงเข้ากรอบ 1 ครั้ง, สร้างโอกาส 1 ครั้ง ขณะที่เกมรับก็ดีเช่นกันจากสถิติตัดบอล 3 ครั้งและแท็กเกิ้ล 2 ครั้ง
ปีกซ้าย: เฟเดริโก้ เคียซ่า
เฟเดริโก้ เคียซ่า ฟอร์มโดดเด่นมากในฟุตบอลยูโรหนนี้และในเกมกับ สเปน เขาได้รับเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยหลังเป็นคนซัดบอลเสียบข้างตาข่ายอย่างสวยงามพา อิตาลี ออกนำซึ่งมาจากโอกาสยิงของเขาทั้งเกมเพียงแค่ 2 ครั้งและเป็นการยิงตรงกรอบทั้ง 2 ครั้งด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนสร้างโอกาสยิงให้เพื่อนร่วมทีมอีก 1 ครั้ง
ปีกขวา: ราฮีม สเตอร์ลิง
เป็นอีกครั้งที่ ราฮีม สเตอร์ลิง เจอเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงแต่เจ้าตัวก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่พา อังกฤษ เข้าชิงชนะเลิศ ทั้งมีส่วนกับประตูแรกซึ่งเกือบเป็นคนยิงได้ถ้ากองหลังเดนมาร์กไม่สกัดเข้าประตูตัวเองเสียก่อน ขณะที่ประตูที่สองมาจาการเรียกจุดโทษของ สเตอร์ลิง เอง เจ้าตัวยังมีสถิติเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุดถึง 10 ครั้งซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของยูโรหนนี้
กองหน้า: แฮร์รี่ เคน
แฮร์รี่ เคน รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังจบเกมกับ เดนมาร์ก ซึ่งแม้ว่าเกมนี้จะมีโอกาสยิงแบบเน้นๆ ไม่มาก แต่เขามีส่วนร่วมกับทั้งสองประตูที่อังกฤษทำได้ โดยประตูแรก เคน เป็นคนแทงบอลทะลุช่องให้ ซาก้า หลุดเดี่ยว ส่วนประตูที่สองนั้นอาจจะยิงจุดโทษไม่เข้าแต่ก็ตามซ้ำได้สำเร็จ