เพื่อบอส! ร็อดเจอร์ส ลั่นอยากซิวแชมป์ เอฟเอคัพ เพื่อมอบให้คุณวิชัย
14 พฤษภาคม 2564, 15:37 น. · 288
ข่าวฟุตบอลล่าสุด กุนซือ เลสเตอร์ ระบุ ตนอยากนำทีมซิวแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองเพื่อเป็นการมอบให้กับคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานของทีม รวมถึงครอบครัวศรีวัฒนประภา โดยเสริมว่าสุดเป็นเกียรติที่จะได้นำทีมลงเล่นนัดชิงดำของรายการนี้
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าตนต้องการพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้มาครอง เพื่อเป็นการอุทิศให้แก่คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานของทีม
ร็อดเจอร์ส สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงดำของ เอฟเอ คัพ ได้ จนทำให้ทีมมีลุ้นแชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ เข้าไปถึงรอบชิงดำของ เอฟเอ คัพ ได้ 4 ครั้ง แต่ไม่เคยได้แชมป์สักครั้งเดียว โดยครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ที่ เลสเตอร์ เข้าถึงรอบชิงดำของ เอฟเอ คัพ ได้นั้นคือซีซั่น 1968-69 ส่วนคู่ชิงชนะเลิศในฤดูกาลนี้ของพวกเขาคือ เชลซี
กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือเผยว่า "ผมอยากจะคว้าแชมป์มาครองให้ได้เพื่อมอบให้กับคุณวิชัยและครอบครัวของเขา ในวันนั้นวิญญาณและตัวตนของเขาจะอยู่ที่นั่นร่วมกับเรา การมี ต๊อบ (หมายถึง คุณอัยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของคุณวิชัย) มาร่วมเชียร์เราในสัปดาห์นี้มันทำให้หนึ่งในเหตุผลที่ผมมาทำงานที่นี่มันมีความหมายมากขึ้น ที่ผมเลือกมาอยู่กับที่นี่มันเป็นเพราะพวกเขาและสิ่งดีๆ ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำได้"
"แน่นอนว่าผมอยากคว้าแชมป์มาครองเพื่อเหล่านักเตะ รวมถึงอยากทำเพื่อแฟน ด้วย แต่ถ้าให้ผมเลือกว่าอยากทำเพื่อใครมากที่สุดแล้วล่ะก็มันก็ต้องบอกว่าผมอยากทำเพื่อ ต๊อบ กับครอบครัวของเขามากที่สุด การทำอย่างนั้นได้จะเป็นเรื่องที่พิเศษมากๆ"
ร็อดเจอร์ส เสริมว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่จะได้นำ เลสเตอร์ ลงเล่นนัดชิงดำของ เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1969 "มันเป็นเกมที่พิเศษที่ผมตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ เราต่างก็โตขึ้นมาพร้อมกับรายการนี้, ได้ดูกระแสก่อนถึงเกมนี้ ดังนั้นการที่จะได้นำ เลสเตอร์ ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของรายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 50 ปีมันจึงถือเป็นเกียรติอย่างมาก"
"นี่เป็นเกมที่คุณจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้ และเขียนเรื่องราวของตัวเองให้จารึกอยู่ในเกมเหล่านี้ได้ ก็หวังว่าเราจะทำอย่างนั้นได้นะ ที่ผ่านมาเราเล่นกันได้คงเส้นคงวา เราทำผลงานได้ดีตลอดช่วงที่ผ่านมา และนี่จะเป็นขั้นต่อไปสำหรับเรา แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่จะตามมาของเกมนี้อาจจะยิ่งใหญ่กว่าเกมอื่นๆ แต่เดิมทีเกมระดับนี้ (หมายถึงการเจอกับ เชลซี) มันก็เป็นเกมที่ชวนประหม่าและมีความกดดันอย่างมากอยู่แล้ว และนี่ยังมาเป็นเกมระดับนัดชิงชนะเลิศของศึก เอฟเอ คัพ อีก"